เรียกได้ว่าเป็นหนังนอกสายตาอย่างแท้จริง เพราะแทบไม่มีใครพูดถึง คาดว่าน่าจะทำการตลาดไม่เก่ง แต่ส่วนตัวหลังได้ดูเรื่องนี้จบ ขอบอกเลยว่าเป็นหนังที่สมบูรณ์แบบเรื่องนึงเลย
เรื่องย่อแบบสั้นๆ : หนังเล่าถึงที่มาที่ไปของ RIM (Research In Motion)
บริษัทผู้ให้กำเนิด BlackBerry ทั้งการบุกเบิกจนยิ่งใหญ่ถึงกับเป็นเจ้าตลาดในอเมริกา แต่กลับล่มสลายในที่สุด
“ spoiler alert “
หลังจากนี้จะพาไปแกะหนังแบบละเอียดว่าทำไมผมถึงชอบเรื่องนี้มากๆกันครับ แต่ก็ถ้าพูดเฉยๆอาจจะไม่เข้าใจเลยต้องมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครจะอ่านบทความแนะนำให้ไปดูหนังก่อนนะครับ
Pitching งานที่ดีสำคัญไม่แพ้คุณภาพของผลิตภัณฑ์
เรื่องเริ่มที่บริษัท Sutherland-Schultz (SS)ซึ่งมีตัวเอกของเรา 3 คนคือ Jim (หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท SS) ตามด้วย Mike และ Dough (ผู้ก่อตั้ง RIM) ที่ได้มานำเสนอขายสินค้า Pocket Link มือถือที่สามารถรับส่งอีเมล์ได้ แก่บริษัท SS ซึ่ง Mike นั้นอธิบายเป็นแต่ศัพท์เทคนิค ส่วน Dough ก็แต่งกายไม่เหมาะสม ซึ่งในตอนนั้น Jim เป็นคนที่มานั่งฟังการนำเสนอนี้ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจฟัง เพราะมีเรื่องกังวลถึงการประชุมของบริษัทที่จะส่งผลต่อตำแหน่งของเขา แต่สุดท้าย Jim ก็ได้บอกกับ Mike และ Dough ว่าบริษัทของเค้าไม่ได้ทำแบบนั้นเป็นแค่บริษัทรับจ้างผลิตอุปกรณ์ แต่ไม่ใช่นักลงทุน (อารมณ์โรงงานรับจ้างผลิตอย่างเดียว) ก่อนเดินจากไปก็ทิ้งท้ายให้ด้วยว่า ควรคิดชื่อของผลิตภัณฑ์ให้ดีกว่านี้
หลังจากนั้น jim ก็ได้ลาออกจากบริษัท SS และต้องการมาเป็น CO-CEO ให้กับ RIM โดย Mike ดูแลเรื่องการคิดค้นและผลิตสินค้า ส่วน Jim ดูแลเรื่องการขาย ที่พึ่งเข้ามามีส่วนช่วยให้กับบริษัทอย่างมาก เนื่องจาก Jim มี connectionกับเหล่าผู้บริหารของบริษัทอื่นๆ และ ความสามารถในการนำเสนอทำให้สามารถหานักลงทุน และ ขายของได้นั่นเอง
เมื่อเจอปัญหาก็แก้ไขมันซะ
หนังจะพาเราไปพบว่าบริษัท RIM ที่คิดค้นมือถือ Blackberry นั้นเจอปัญหาหลายอย่างที่ทำให้สะดุดติดขัด แต่(แทบจะ)ทุกปัญหาก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
- Carl Yankowski จาก 3Com ได้เข้ามาขอร่วมทุนกับบริษัท ซึ่งถ้าไม่ให้ก็ขู่ว่าพร้อมจะ Take Over RIM ได้ทุกเมื่อในตอนนั้น Jim ได้ตอบตกลงแต่ขอเวลา 2 เดือนเพื่อเคลียร์เอกสารกับพนักงาน แต่จริงๆ Jim กับ Mike ไม่อยากร่วมทุนแต่เออออไปก่อน เพื่อที่จะได้ทำให้บริษัทเติบโตจน Carl ไม่อาจจะซื้อได้
- ในการทำให้บริษัทเติบโต จะต้องเพิ่มยอดขาย Blackberry ซึ่งก็ติดข้อจำกัดทางด้านเซิฟเวอร์ที่ไม่สามารถรองรับผู้ใช้งานมหาศาลได้ ซึ่ง Mike บอกว่าด้วยพนักงานที่เรามีไม่มีศักยภาพพอที่จะทำได้ ทำให้ Jim ไปจ้างคนเก่งๆจากบริษัทชั้นนำเข้ามาจนสามารถพัฒนาระบบให้รองรับผู้ใช้งานได้เพียงพอ
- ด้วยความที่เป็นบริษัท Startup และ เติบโตเร็ววัฒนธรรมในการทำงานก็จะเป็นแบบชิวๆ เน้นเฮฮามากกว่าทำงาน ทำให้ประสิทธิภาพงานไม่ดีจน Jim ต้องจ้าง Charles Purdy เข้ามาคุมฝ่ายพัฒนา เพื่อทำให้มีความเป็นองค์กรมากขึ้น
Whatever will be will be
สุดท้ายนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ Blackberry ล่มสลาย (RIM เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท Blackberry ในปี 2013) เราจะพาไปเจอกับการถาโถมของปัญหาของบริษัท Blackberry ซึ่งบางปัญหาก็เกิดจากทำตัวเอง กับ โลกที่เปลี่ยนแปลงไป
หลังจาก Blackberry ได้ครองเจ้าตลาดอันดับ 1 ของอเมริกา ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่ทำให้อันดับ 1 ต้องสั่นคลอน
- การมาของ iPhone ที่เปิดตัวในปี 2007 โดย Apple : Steve Job
จุดขายคือไม่ต้องมี keyboard แต่เพิ่มพื้นที่ให้กับจอ และ เป็นจอสัมผัสเต็มตัว
เป็นอีกวิวัฒนาการของมือถือเลยทีเดียว เรียกได้ว่าสร้างอิมแพคมาก กับ ตัวผมพอเห็นฉากนี้ก็จุกเหมือนกัน ว่าถ้าเราเป็น Blackberry ในตอนนั้นจะแก้เกมยังไง ในเมื่อจุดขายคือ Qwerty Keyboard - Jim ไม่ได้โฟกัสที่บริษัทเท่าที่ควร แต่กลับมุ่งไปที่การซื้อสนามกีฬา และ สโมสรฮอกกี้ NHL ทุกอย่างปล่อยให้ Mike จัดการ ซึ่ง Mike pitching งานได้ไม่ดี และ เจอความท้าทายจาก iPhone ทำให้กดดัน และ ทะเลาะกับ Dough จน Dough ลาออกจากบริษัทในที่สุด
- SEC เริ่มสืบสวนบริษัท RIM ที่ปั่นหุ้น จนมาสู่การเรียกค่าปรับถึง $165M
- ปัญหาการผลิตสินค้าไม่พอกับความต้องการจนต้องจ้าง supplier จีนเข้ามาผลิต จนมีปัญหาเรื่อง QC จนต้องเรียกคืนสินค้า BB Storm และถูก Verizon ฟ้องร้อง