วันนี้จะพาเพื่อนๆไปข้ามแดนระหว่างประเทศมาเลเซีย (รัฐยะโฮห์บารู) และ สิงคโปร์กันครับ สาเหตุที่เลือกการเดินทางแบบนี้ เพราะค่าครองชีพฝั่งมาเลเซียจะถูกกว่าที่สิงคโปร์ครึ่งๆ แล้ววันแรกที่บินไปถึงก็คงไม่ได้ทำไรมากนอกจากถึงที่พักแล้วก็นอน เลยลองวิธีนี้ดู เพราะจะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายแล้วก็ไม่ต้องเหนื่อยเกินไปด้วย สำหรับทริป 4 วัน 3 คืน (มาเลเซีย 1 คืน, สิงคโปร์ 2 คืน)
Flight : airasia
ค่าใช้จ่ายไปกลับ : 4500 THB ต่อคน (ซื้อน้ำหนักแค่ขากลับเท่านั้น)
ขาไป : บินไปลง Johor Bahru Senai International Airport : Malaysia
ขากลับ : บินกลับจาก Changi Airport : Singapore
immigration
ตรวจคนเข้าเมืองนี่ เป็นอะไรที่เสียเวลาพอควร อยากบอกว่าไม่ค่อยแนะนำเท่าไรสำหรับการมาเที่ยวสองประเทศ เพราะ ตม.เข้มพอตัวทั้งสองประเทศ เราต้องเตรียมข้อมูลให้ครบเลย ทั้งโรงแรมพักที่ไหน มากี่วัน ไปไหนต่อ และ ตั๋วขากลับมีมั้ย ที่เจอเข้มๆแบบนี้เพราะว่า เค้ากลัวเราโดดไปทำงานที่นั่นกัน แต่ถ้าตอบได้หมดก็ไม่มีอะไรก็ให้ผ่านครับ ซึ่งก็ยังเสียวๆเพื่อนที่ไปด้วยจะไม่ผ่าน เพราะผมเป็นคนแพลนเองทั้งหมด
Sim
ไม่แนะนำ Roaming Sim นะครับ มันไม่ค่อยสเถียรเท่าไร แถม data น้อยด้วยใช้แปปเดียวโดน FUP แล้วแทบทำอะไรไม่ได้เลย
ซิมที่แนะนำสำหรับแต่ละประเทศนะครับ
Malaysia : Tunetalk 10GB/20Days (ซื้อใน Shopee) 200 THB
Singapore : Hi Singtel 100GB/15Days 15SGD
Malaysia
Senai Airport > JB Sentral
หลังจากมาถึงแล้วให้รีบออก ตม ให้ไวที่สุดเพื่อไปขึ้นรถบัสสาย AA1 มีรอบทุก 1 ชั่วโมง แต่ขั้นตอนออกประเทศนี่เข้มมาก เพราะมีตรวจกระเป๋าสแกนอีกรอบด้วย จะเสียเวลาตรงนี้ครับ ค่าตั๋วคนละ 8 RM (เงินสดเท่านั้นนะครับ)
Citrus Hotel
หลังจากมาถึง JB Sentral แล้วเดินทางเชื่อมมาอีกฝั่งจะเข้าห้าง JB City Square ลงมาล่างสุดเพื่อออกไปโรงแรม Citrus Hotel เป็นโรงแรมที่ทำเลดี เพราะอยู่ไกล้ห้าง และ ไกล้กับ JB Sentral (เพื่อที่เราจะได้ข้ามไปสิงคโปร์ง่ายๆ)
Dragon-i Peking Duck Restaurant
ร้านอาหารจีน ที่สั่งมาแทบจะทุกอย่าง ยกเว้นเป็ดปักกิ่ง เพราะราคาโหดไปนิดนึงตัวละ 1400 THB เลยเลือกสั่งอย่างอื่นจะได้กินหลากหลายดีกว่า
Shopping in Malaysia
ของที่แนะนำเลยคือพวกครีมบำรุงของที่มาเลเซียเพราะราคาจะถูกกว่าที่ไทย และ Decathlon ของจะหลากหลายกว่าแนะนำให้ลองมาเดินดูครับ
Cross Border Johor > Singapore
มีอยู่ 2 วิธีในการข้ามแดน คือ รถบัสสาย 170 และ รถไฟKTM
(ถ้ารถไฟต้องจองล่วงหน้า ส่วนผมเดินทางผ่านรถไฟเอาครับ คนละ 5 RM)
หลังจากข้ามมาใช้เวลาไม่นาน 15 นาทีก็ถึง Woodlands Checkpoint ซึ่งก็เจอตม.เข้มๆแบบเดิมครับ แนะนำให้เตรียมเอกสารไปให้พร้อมเลย ทั้งตั๋วขากลับ, โรงแรม และ แพลนต่างๆ หลังจากออกจาก ตม.ก็ออกมาตรงป้ายรถเมล์ ขึ้นสาย 170 เพื่อไปถึง Queen Street ประมาณชั่วโมงนึงครับ เป็นแถวย่านที่พักพอดีต่อเดียวจบครับ
Hotel Boss
ผมเลือกโรงแรมนี้เพราะในกลุ่มเที่ยวบอกว่าเป็นโรงแรมใหม่กว่า V Hotel Lavender พอได้มาก็โอเคเลยนะ ห้องสะอาด มีป้ายรถเมล์หน้าโรงแรมไป China Town ได้สบายๆ หรือเดินไปอีก 300m ก็ถึง MRT Lavender ครับ
1st Day in SG
หลังจากเข้าที่พักแล้ว early checkin ได้ก็เลยเอาของเข้าที่พัก แล้วไปกินข้าวเที่ยงกันเริ่มที่ข้าวมันไก่ในตำนาน (ร้านอาหารในฟู๊ดคอร์ทจะรับแต่เงินสดนะครับ)
จากนั้นตอนบ่ายเข้าสู่ Sentosa เข้าไปดู S.E.A Aquarium ตอนแรกคิดว่าจะไม่ว้าวเพราะว่าเคยไปอควาเรียมมาหลายที่ แต่ที่นี่ทำได้ดีจริงๆ ทั้งจัดไฟ องค์ประกอบของตู้มีความเป็นศิลปะไม่น้อยเลย ที่สำคัญคือตู้ปลาขนาดใหญ่ที่ใหญ่มากจริงๆ ว้าวสุดๆ
หลังจากออกมาจาก อควาเรียมก็มากินข้าวที่ Marrybrown Fastfood เจ้าดังจากมาเลเซีย ลองสั่ง Fish & Chips มากินถือว่ารสชาติใช้ได้เลยนะ นอกจากนี้ยังมีร้านขายช็อกโกแลต Reese’s และ โยเกิร์ต llaollao
ส่วนตอนดึกๆมีจอง A Forbidden Forest Experience: Harry PotterPotter ไว้รอบสามทุ่ม ที่เลือกเวลานี้เพราะว่าราคาถูกกว่าช่วงกลางวันครึ่งๆ แต่ก็ยังร้อนอยู่นะเดินแบบเหงื่อตกเลยทีเดียว
2nd Day in SG
ตอนเช้าไปกินติ่มซำร้านดังอย่าง Swee Choon อร่อยทุกอย่าง แนะนำเลยๆ ร้านนี้ก็ไม่รับบัตรเครดิตเช่นกัน (รองรับ GrabPay แต่ผมไม่ได้ลองนะว่าใช้กับของไทยได้มั้ย)
แล้วไปต่อที่ย่าน China Town กับวัด Buddha Tooth Relic Temple แนะนำเลย สงบ ร่มเย็น หนีอากาศร้อนเข้ามาที่นี่ได้เลย
ตอนเที่ยงไปกินร้านดังอย่าง Hawker Chan อร่อยสมกับได้มิชลิน
ตอนบ่ายไปตึก Capita Spring ต้องจองล่วงหน้ามาก่อน จะเป็นวิว RoofTop
ราคาหลักล้าน แถมยังเข้าฟรีอีกด้วย
จากนั้นไป Marina Bay Sand ไปกินกาแฟ Bacha Coffee
ตอนเย็นไป Garden By The Bay สัมผัสธรรมชาติกันอีกหน่อย
ปิดท้ายวันด้วยการล่องเรือ River Cruise และ กินอาหารญี่ปุ่น Tomo Tokyo
(ราคาแพงสุดแล้วเมื่อเทียบกับมื้ออื่นๆ และ อาหารไม่ได้ว้าวขนาดนั้น)
Last Day in SG
ตอนเช้าไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านดังไกล้ๆโรงแรม Hill Street Tai Hwa Pork Noodle อยากบอกว่าคนเยอะ และ ทำนานมาก กว่าจะได้กินเสร็จก็เกือบจะ 11.00 น
เป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่รับบัตรเครดิต ผมแลกเงินไปประมาณ 5000 THB สำหรับ 2 คน เกือบไม่พอเลยทีเดียว
หลังจากฝากกระเป๋าที่โรงแรม มาเก็บตกย่าน Little India เพราะไกล้ๆโรงแรม มาเดินเล่นก่อนไปสนามบินกันครับ มาลองกินอาหารตุรกีกัน ราคาถือว่าโหดเอาเรื่อง รองลงมาจากอาหารญี่ปุ่นครับ
สุดท้ายก็ไปเดินเล่นที่ Jewel Changi ห้างติดสนามบินที่มีน้ำตกกลางห้าง (HSBC Rain Vortex) สุดยิ่งใหญ่และยังไปนั่งผ่อนคลายได้อีก จริงๆห้างใหญ่พอสมควร มีจุดนั่งเล่น ผ่อนคลาย และ ช็อปปิ้งเยอะพอตัว แต่ด้วยความที่ไม่อยากแบกกระเป๋าเดินทางไปไหนละ เลยearly checkin เลยทันทีที่มาถึงห้าง สรุปเลยไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเติม 555
Summary
เป็นประเทศที่เราเคยมาเที่ยวตอนเด็กๆ ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเพราะเคยมาแล้ว แต่พอได้มาอีกรอบคือเปลี่ยนไปเยอะมาก และ สถานที่เที่ยวที่ถ่ายรูปก็แปลกใหม่ ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆก็อยากมาเที่ยวสิงคโปร์ บินไม่ไกล ตั๋วไม่แพง แต่ค่าครองชีพจะสูงระดับญี่ปุ่นเลย
สำหรับการข้ามประเทศจากมาเลเซีย ไป สิงคโปร์เรียกว่าทำได้ แปลกใหม่ดี เหมือนหลายคนอาจจะเลือกวิธีนี้ เพราะว่าที่พักที่ JB ราคาถูกกว่าครึ่งนึง แต่ไม่แนะนำ เพราะต้องผ่านตม.ถึงสองรอบ ค่อนข้างเสียเวลา และ ต้องเตรียมเอกสาร กับ เตรียมพร้อมมาเยอะเลย ตม.ที่นี่เข้มมากๆ นอกจากนี้เรื่องซิมก็เป็นปัญหา เพราะต้องใช้ซิมถึง 2 ตัว และ ยังต้องแลกสกุลเงินทั้ง 2 สกุลด้วยครับ ดังนั้นถ้ามีเวลาเหลือๆก็มาเที่ยวแบบ 2 ประเทศได้ แต่ถ้ามีเวลาแค่ 3–4 วันผมว่าไปเที่ยวสิงคโปร์โดยตรงเลยจะสนุกกว่าครับ