ทำความเข้าใจกับ Bitcoin Spot ETF

koko_land
2 min readJan 12, 2024

--

หลังจากที่ SEC หรือ กลต สหรัฐฯได้อนุมัติ Bitcoin Spot ETF เมื่อวันที่ 10 jan 2024 (ประมาณ ตี 3–4 บ้านเราของวันที่ 11 jan 2024) ก็ได้เกิดข้อสงสัยหลายอย่าง เมื่อทาง BTC Spot ETF เปิดขาย

BTC Spot ETF คือ

ETF : กองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีลักษณะคล้ายหุ้นตัวนึง
(ETF = Stock) โดยถือเป็นหลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่

BTC Spot ETF : หลักทรัพย์ที่มี Bitcoin ค้ำอยู่จริงๆ โดยการเข้าไปซื้อ BTC ผ่านตลาด Spot เหมือนเราซื้อตั๋วที่ถือ Bitcoin อีกทีนึง (เราไม่ได้ซื้อ BTC โดยตรง)

ทำให้ส่งผลต่ออุปทานหมุนเวียนในตลาด และ ราคาของ BTC นั้นๆ
ซึ่งก่อนการออก ETF ทางบริษัทที่ออกจะต้องมีวงเงินเพื่อไปซื้อ BTC มาเก็บไว้ให้ได้ตามจำนวนที่ตรงกับหนังสือชื้อชวน

ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ และ สถาบันการเงิน สามารถเข้ามาซื้อ และ ลงทุนได้โดยตรง ทำให้เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้า Bitcoin

ข้อดี นักลงทุนสามารถลงทุนได้ผ่านกองทุน ETFs เจ้าต่างๆได้โดยตรง

ข้อเสีย ความหนาแน่นของธุรกรรมในเครือข่าย Bitcoin จะลดลง และ ในอนาคตอาจจะทำให้นักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงเจ้าของกองทุน ETFs สามารถควบคุมตลาด BTC ได้มากขึ้น เนื่องจาก BTC ส่วนใหญ่จะไปอยู่ใน ETF ในสัดส่วนที่เยอะพอที่จะทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้

แนวโน้มราคา BTC หลังจากนี้

ราคาจะมีความผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากการมีนักลงทุนที่สนใจเพิ่มขึ้น
แต่ราคาของ BTC Spot ETF ≠ BTC Price คือสิ่งที่หลายคนต้องเข้าใจ

เป็นการเปิดตลาดให้เม็ดเงินไหลเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ในระยะยาวราคา BTC มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก ตามขนาดของเม็ดเงินที่ไหลเข้ามา

จะสังเกตได้จากราคาของทองคำต่อออนซ์ ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังจาก Gold ETF ตัวแรกถือกำเนิดขึ้น ทำให้เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้ามา ทำให้ราคาจาก 400$ ในปี 2004 มาเป็น 2000$ ในปี 2020ได้

ราคาทองคำตั้งแต่ปี 1975

เราควรซื้อช่องทางไหนดี Exchange vs ETF

Exchange : ซื้อผ่านตัวกลางที่คล้ายๆธนาคาร เก็บรักษาโดย Exchange
และ ยังสามารถถอนออกมาเข้า Wallet ส่วนตัวของเราเองเพื่อเก็บรักษาได้อีก

ออกแบบมาให้เหมาะกับ คนทั่วไปมากกว่า ค่าธรรมเนียมโดยรวมถูกกว่า
(ต้องดูอัตราค่าธรรมเนียมตามแต่ละ Exchange) เหมือนเราไปใช้บริการธนาคาร

ETF : ซื้อผ่านหุ้นของ ETF เป็นอีก Layer นึง เน้นสำหรับนักลงทุนเลย ไม่ต้องซื้อเอง ไม่ต้องเก็บ หรือ ถือBTCเอง จะเหมาะกับ นักลงทุนรายใหญ่ และ นักลงทุนสถาบัน เพราะไม่ต้องเก็บรักษา

ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนเราซื้อทอง กับ หุ้นทอง ถ้าเราซื้อทองเลยก็ต้องหาที่เก็บรักษาทอง และ ยังต้องระวังโจรมาขโมย, บ้านไฟไหม้ หรือ สูญหายจากภัยพิบัติต่างๆ

แต่ถ้าเราซื้อหุ้นทอง เราแค่กดซื้อแล้ว บริษัทที่ถือหุ้นตัวนั้นเป็นคนจัดการถือทองให้เรา เก็บรักษาให้เรา แล้วเราอยากขายเมื่อไรก็ขายได้เลยครับ

ปล.แนวโน้มราคา ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนนะครับ

--

--

No responses yet